ซอฟต์แวร์
เพื่อให้เข้าใจถึงซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับการพัฒนาเสียก่อน ภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละยุคประกอบด้วย
1. ภาษาเครื่อง(Machine Languages)
- เป็นภาษายุคที่ 1
- เป็นภาษาที่ใช้รหัสเลขฐานสองเป็นตัวสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
- ยากต่อการเรียนรู้ อีกทั้งโปรแกรมเมอร์ในยุคนั้นต้องเชี่ยญชาญเป็นอย่างมาก
เพื่อให้เข้าใจถึงซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับการพัฒนาเสียก่อน ภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละยุคประกอบด้วย
การจัดสรรทรัพยากรในระบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรทรัพยากรด้านโปรเซส หน่วยความจำ อุปกรณ์อินพุต/เอาต์พุต และ ข้อมูล สิ่งเหล่านี้ ระบบปฏิบัติการจะคอยบริการแก่ผู้ร้องขอและจัดสรรให้ใช้รวมถึงยกเลิกเมื่อเลิกใช้ ทั้งนี้เพื่อแชร์ทรัพยากรให้กับผู้ร้องขอต่อไปอย่างทั่วถึง
โปรแกรมอรรถประโยชน์
ตัวอย่าง ซอฟแวร์ใช้งานทั่วไป
โปรแกรมประมวลผลคำ(Word Processing Program)
เป็นโปรแกรมเหมาะสำหรับพิมพ์งานเอกสารให้ออกมาในรูปแบบรายงาน จดหมาย หนังสือ บทความ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสะกดคำ ช่วยจัดย่อหน้าในการพิมน์ สามารถคำนวณที่ไม่ซับซ้อนได้ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น มักทำเป็นโปรแกรมสำเร็จ(Packaged Program) ได้แก่ Microsoft Word, PageMaker, CorelDraw เป็นต้น
โปรแกรมนำเสนอข้อมูล(Presentation)
เป็นการประยุกต์การสร้างเอกสารในรูปแบบแผ่นสไลน์ เหมาะสำหรับงานนำเสนอ เช่น การนำเสนอข้อมูลในที่ประชุม การอบรม-สัมนา
โปรแกรมกราฟิก(Graphices)
เป็นโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับการสร้างและตกแต่งภาพเช่น โปรแกรม Photoshop, Paint เป็นต้น
2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะด้าน (Application- Specific)
เป็นชุดซอฟต์แวร์ต่างๆที่ใช้กับระบบงานทางธุรกิจหรืองานอื่นๆเฉพาะด้านเช่น
การได้มาของซอฟต์แวร์นั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะขององค์กร และการดำเนินงานของส่วนต่างๆ ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องสนใจในการเลือกซอฟต์แวร์ ว่าจะหามาด้วยวิธีการใด เช่น อาจจะให้องค์กรพัฒนาเอง หรือ จ้างบริษัทภายนอก ซึ่งการจัดหาซอฟต์แวร์นั้นส่งผลต่อค่าใช้จ่าย เพราะฉนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ
2. การเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร
ในการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้ในองค์กรนั้น มีแนวทางพิจารณาดังนี้
2.1 ความเป็นมาตรฐาน
ในแต่ละหน่วยงานจะมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กรอยู่แล้ว เพื่อความสะดวกในการดูแลระบบและการบริหารงาน ควรจัดหาซอฟต์แวร์ที่สอดคล้องและง่ายต่อการเรียนรู้
2.2 ความเหมาะสมและคุณสมบัติของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ออกแบบมาเพื่องานเฉพาะอย่าง เช่น งานด้านธุรกิจ วิทยาศาสตร์ ดังนั้นในการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้งานควารพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะงานด้วย
2.3 ความเข้ากันได้
ซอฟต์แวร์ที่เลือกมาใช้งานต้องสามารถเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติงานและฮาร์ดแวร์ที่ใช้อยู่ด้วย ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language)
- เป็นภาษายุคที่ 2
- ภาษาแอสเซมบลี ใช้รหัสสัญลักษณ์ แทน 0 และ 1 ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรม คือใช้สัญลักษณ์แทนเลข 0 และ 1
- สัญลักษณ์ที่ใช้จะเป็นคำสั่งสั้น ๆ ที่จะได้ง่าย เรียกว่า นิมอนิกโคด (mnemonic code)
- ภาษาแอสเซมบลีก็ยังใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง จึงทำเป็นต้องมีตัวแปลภาษาที่เรียกว่า “แอสเซมเบลอร์ (Assember)” เพื่อแปลภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง
3. ภาษาระดับสูง (High Level Language)
- เป็นภาษายุคที่ 3
- เริ่มมีชุดคำสั่งที่เรียกว่า “Statements” มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังก
- โปรแกรมเมอร์เข้าใจชุดคำสั่ง เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้น
- ภาษาระดับสูงจะใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ทำให้ต้องใช้ตัวแปลภาษาเพื่อแปลชุดคำสั่งให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ คอมไฟเลอร์ และ อินเตอร์พรีเตอร์
ตัวอย่าง ภาษา COBOL, FORTRAN,Visual-Basic4. ภาษายุคที่ 4(Fourth – Generation Languages : 4GL)
- ภาษาในยุคก่อนใช้หลักการของ การเขียนโปรแกรมแบบโพรซีเยอร์ (procedurl language) เขียนโค้ดโปรแกรมยืดเยื้อ
- ในขณะที่ภาษาในยุคที่ 4 จะเป็นในรูปแบบ Non-procedurl language ผู้เขียนโปรแกรมเพียงใช้คำสั่งว่าต้องการอะไรเป็นหลักสำคัญ เช่น คำสั่ง SQL (Structured Query Language)
ข้อดีของภาษาในยุคที่ 4
- การเขียนโปรแกรมจะเน้นที่ผลของงานว่าต้องการอะไร ไม่สนใจว่าจะทำได้อย่างไร
- ช่วยพัฒนาเนื้องาน เพราะเขียนและแก้ไขโปรแกรมได้ง่าย
- ไม่ต้องเสียเวลาอบรมผู้เขียนโปรแกรมมากนัก ไม่ว่าผู้ที่จะมาเขียนโปรแกรมนั้นมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือไม่
- ผู้เขียนโปรแกรมไม่ต้องทราบถึงฮาร์ดแวร์ของเครื่องและโครงสร้างโปรแกรม
- เป็น ภาษายุคที่ 5
- เป็นภาษาการเรียกดูข้อมูล(Query) สามารถอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถส่งความต้องการเป็นคำพูดของภาษามนุษย์ที่เป็นโครงสร้างภาษาอังกฤษได้
ประเภทของซอฟต์แวร์
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Softwore)
- เป็นซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของฮาร์ดแวร์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ
- ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์
- คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีระบบปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ
- ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)
- ตัวแปลภาษา
- โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Programs)
ระบบ ปฏิบัติการ หรือ โอ เอส (Operating System : OS)
ทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานส่วนต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเป็นชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของกิจกรรมต่างๆระหว่างโปรแกรมประยุกต์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และผู้ใช้ทำงานกับโปรแกรมประยุกต์
ตัวอย่างระบบปฎิบัติการที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น Window 7 ,Unit, Linux , Macintosh เป็นต้น
ตัวอย่างระบบปฎิบัติการที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น Window 7 ,Unit, Linux , Macintosh เป็นต้น
หน้าที่ของระบบปฏิบัติการ
- ช่วยในการบูตเครื่อง (Booting)
- เป็นกระบวนการเริ่มต้นเพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดเครื่องในขณะที่เครื่องปิด เรียกว่า “Cold Boot”
- การเปิดเครื่องขณะที่เครื่องเปิดอยู่ เช่น การกดปุ่มรีเซต หรือกดปุ่ม Ctrl+Alt+Del จะเรียกการบูตว่า “Warm Boot”
- เมื่อมีการบูทเครื่อง โปรแกรมระบบปฏิบัติการจะถูกโหลดเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานจึงสามารถโต้ตอบกับระบบเพื่อสั่งงานได้
- สำหรับ Window OS จะมีรูปแบบการโต้ตอบกับผู้ใช้งานในลักษณะกราฟฟิก(Graphics User Interface :GUI)
2. ควบคุมอุปกรณ์และการทำงานของคอมพิวเตอร์
- ระบบปฏิบัติการจะจัดการอุปกรณ์ เพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกัน
- ตัวอย่าง เช่น เมาศ์ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีวิธีการเข้าถึงและใช้งานแตกต่างกัน แต่ด้วยโปรแกรมระบบปฏิบัติการ จะจัดการกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเหล่านั้นให้ผู้ใช้สามารถใช้งานอย่างราบรื่น
การจัดสรรทรัพยากรในระบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรทรัพยากรด้านโปรเซส หน่วยความจำ อุปกรณ์อินพุต/เอาต์พุต และ ข้อมูล สิ่งเหล่านี้ ระบบปฏิบัติการจะคอยบริการแก่ผู้ร้องขอและจัดสรรให้ใช้รวมถึงยกเลิกเมื่อเลิกใช้ ทั้งนี้เพื่อแชร์ทรัพยากรให้กับผู้ร้องขอต่อไปอย่างทั่วถึง
ชนิดของระบบปฏิบัติการ
จำแนกออกเป็น 3 ชนิด
- ระบบปฏิบัติการแบบใช้คนเดียว(Stand-Alone Operation System)
- ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operation System)
- ระบบปฏิบัติแบบฝังตัวในเครื่อง (Embedded Operation System)
- ระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนเครื่องเพื่อใช้งานโดดๆ โดยไม่ได้เชื่อมต่อเป็นเครือข่าย เช่น ระบบปฏิบัติการ DOS ,MS-Windows ,Mac Os เป็นต้น
- MS-Windows นอกจากจะสามารถติดตั้งเพื่อใช้งานคนเดียวแล้ว ยังติดตั้งในรูปแบบเครือข่ายที่เป็น work group ได้ด้วย
- นิยมใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลและทำงานแบบทั่วไป เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำนักงาน
- รองรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลงหรือเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
- คือระบบปฏิบัติการแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ (client/Server)
- เป็นการติดตั้งเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งที่เป็นศูนย์บริการหรือเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งคอยบริการข้อมูลหรือทรัพยากรณ์ ให้แก่เครื่องไคลเอ็นต์บนเครือข่าย เช่น ระบบปฏิบัติการเครือข่าย เช่น Novell NetWare , Windows Server 2003 ,Unix ,Linux เป็นต้น
- มุ่งเน้นและให้บริการสำหรับผู้ใช้หลายๆคน (multi-user)
- นิยมใช้สำหรับงานให้บริการและประมวลผลข้อมูลสำหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ
- มักนำมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบมือถือ
- ระบบปฏิบัติการแบบฝังตัว จะถูกเก็บไว้ในชิปหน่วยความจำรอม
- ตัวอย่าง Palm OS , Pocket PC 2002 , Window CE
- ตัวแปลภาษา จะแปลภาษาระดับต่ำ หรือระดับสูง ให้เป็นภาษาเครื่อง
- ตัวแปลภาษาระดับต่ำ เรียกว่า แอสเซมเบลอร์
- ตัวแปลภาษาระดับสูง มีทั้ง คอมไพเลอร์ และอินเตอร์พรีเตอร์
อินเทอร์พรีเตอร์ (interpreter) จะทำการแปลคำสั่งแบบทีละบรรทัด ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาด แต่ก็ยังสามารถสั่งรันโปรแกรมได้จนกว่าข้อผิดพลาดส่วนนั้นจะถูกทำงาน จึงหลุดออกจากการแปลและแสดงข้อผิดพลาดให้ทราบ โดยคำว่า “ข้อผิดพลาด” ซึ่งข้อผิดพลาดดนี้เกิดจาดรูปแบบทางภาษา
โปรแกรมอรรถประโยชน์
- เป็นซอฟต์แวร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรม และอุปกรณ์ต่างๆที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์
- ตัวอย่าง โปรแกรมสำรองข้อมูลที่สำคัญในฮาร์ดดิสก์ (Backup), โปรแกรมตรวจสอบความถูกต้อง(Scandisk)ในฮาร์ดดิสก์ , โปรแกรมที่ช่วยในการจัดระเบียบข้อมูลในฮาร์ดดิส(Disk Defragmenter) ,โปรแกรมบีบอัดข้อมูล เช่น WinZip เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมอรรถประโยชน์ หลายโปรแกรมมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Microsoft window แล้ว
- ประเภทการจัดการไฟล์ (File Manager)
- ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller)
- ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner)
- ประเภทการจัดเรียงพื้นที่เก็บข้อมูล (Disk Defragmenter)
- ประเภทรักษาหน้าจอ (Screen Saver)
- มีหน้าที่หลักในการจัดการเกี่ยวกับไฟล์ต่างๆเช่น การคัดลอก การเปลี่ยนชื่อ การลบและการย้ายไฟล์ เป็นต้น
- ระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นใหม่ๆยังได้เพิ่มคุณสมบัติที่เรียกว่า image viewer เพื่อนำมาปรับใช้กับไฟล์รูปภาพได้
- ลบหรือกำจัดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากระบบ
- ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลมีเหลือเพิ่มมากขึ้น
- ทำงานได้อย่างง่ายดาย
ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner)
- สแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆพร้อมทั้งหาทางแก้ปัญหาในดิสก์
- ประยุกต์ใช้เพื่อสแกนหาไฟล์ที่ไม่ต้องการใช้งาน (unnecessary files) เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ไประยะหนึ่งได้
ประเภทการจัดเรียงพื้นที่เก็บข้อมูล (Disk Defragmenter)
- ช่วยในการจัดเรียงไฟล์ข้อมูลให้เป็นระเบียบ และเป็นกลุ่มเป็นก้อน
- เมื่อต้องการใช้งานไฟล์ข้อมูลในภายหลังจะเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม
- ช่วยถนอมอายุการใช้งานของจอคอมพิวเตอร์ให้ยาวนานมากขึ้น
- ใช้ภาพเคลื่อนไหวไปมา และเลือกลวดลายหรือภาพได้ด้วยตนเอง
- อาจพบเห็นกับการตั้งค่ารหัสผ่านของโปรแกรมรักษาหน้าจอเอาไว้ได้
- ซอฟต์แวร์ ประยุกต์ จะเป็นโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่างานด้านการจัดทำเอกสาร การทำบัญชี การจัดเก็บข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนงานทุก ๆ ด้านตามแต่ผู้ใช้ต้องการ
- สามารถแบ่งออกเป็น
เป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถนำซอฟต์แวร์ไปใช้งานทั่วไป เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ โปรแกรมตาราง โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นต้นโปรแกรมมักจะนิยมใช้บนไมโครคอมพิวเตอร์ทั้งที่ทำงานหรือที่บ้านเพื่อใช้สำหรับทำงานหรือเพื่อการศึกษา
โปรแกรมประมวลผลคำ(Word Processing Program)
เป็นโปรแกรมเหมาะสำหรับพิมพ์งานเอกสารให้ออกมาในรูปแบบรายงาน จดหมาย หนังสือ บทความ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสะกดคำ ช่วยจัดย่อหน้าในการพิมน์ สามารถคำนวณที่ไม่ซับซ้อนได้ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น มักทำเป็นโปรแกรมสำเร็จ(Packaged Program) ได้แก่ Microsoft Word, PageMaker, CorelDraw เป็นต้น
โปรแกรมนำเสนอข้อมูล(Presentation)
เป็นการประยุกต์การสร้างเอกสารในรูปแบบแผ่นสไลน์ เหมาะสำหรับงานนำเสนอ เช่น การนำเสนอข้อมูลในที่ประชุม การอบรม-สัมนา
โปรแกรมกราฟิก(Graphices)
เป็นโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับการสร้างและตกแต่งภาพเช่น โปรแกรม Photoshop, Paint เป็นต้น
2.2 ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะด้าน (Application- Specific)
เป็นชุดซอฟต์แวร์ต่างๆที่ใช้กับระบบงานทางธุรกิจหรืองานอื่นๆเฉพาะด้านเช่น
- โปรแกรมระบบบัญชี (Accounting) เช่น ระบบบัญชีเงินเดือน ลูกหนี้ ระบบเช่าซื้อ บัญชี แยกประเภท
- โปรแกรมช่วยในการเรียนการสอน CAI (Computer-Assisted Instruction) โดยการใช้คอมพิวเตอร์ หรือจำลองตัวเองเป็นสื่อในการเรียนการสอนประกอบกับรูปภาพ (เคลื่อนไหว) ในลักษณะต่างๆ ซึ่งทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ
- โปรแกรมเพื่องานออกแบบหรือ CAD (Computer-Aidea Design) เช่น AutoCad AutoLISP และ DisgnCAD เป็นต้น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ใช้สำหรับการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ และงานออกแบบทางด้านสถาปัตยกรรม
- โปรแกรมตรวจสอบ/ป้องกันไวรัส (Anti-Virus) มีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ และมักจะมีคำสั่งให้ทำลายล้างไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น McAfee virus scan, AVI-scan, Norton Anti-virus เป็นต้น
การได้มาของซอฟต์แวร์นั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะขององค์กร และการดำเนินงานของส่วนต่างๆ ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องสนใจในการเลือกซอฟต์แวร์ ว่าจะหามาด้วยวิธีการใด เช่น อาจจะให้องค์กรพัฒนาเอง หรือ จ้างบริษัทภายนอก ซึ่งการจัดหาซอฟต์แวร์นั้นส่งผลต่อค่าใช้จ่าย เพราะฉนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ
2. การเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร
ในการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้ในองค์กรนั้น มีแนวทางพิจารณาดังนี้
2.1 ความเป็นมาตรฐาน
ในแต่ละหน่วยงานจะมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กรอยู่แล้ว เพื่อความสะดวกในการดูแลระบบและการบริหารงาน ควรจัดหาซอฟต์แวร์ที่สอดคล้องและง่ายต่อการเรียนรู้
2.2 ความเหมาะสมและคุณสมบัติของซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ออกแบบมาเพื่องานเฉพาะอย่าง เช่น งานด้านธุรกิจ วิทยาศาสตร์ ดังนั้นในการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้งานควารพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะงานด้วย
2.3 ความเข้ากันได้
ซอฟต์แวร์ที่เลือกมาใช้งานต้องสามารถเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติงานและฮาร์ดแวร์ที่ใช้อยู่ด้วย ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น